ฟิล์มกันรอย
Paint Protection Film (PPF)
ปัจจุบัน ฟิล์มกันรอยสะเก็ดหิน เป็นทางเลือกของกลุ่มคนรักรถเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาสะเก็ดหินดีดใส่หน้ารถ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และด้วยการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถ ป้องกันสะเก็ดหินเหล่านี้ได้ จึงทำให้คนที่เคลือบแก้วเคลือบเซรามิกในปัจจุบัน นิยมติดฟิล์มกันรอย PPF ในส่วนของกันชนหน้า ไฟหน้า ฝากระโปรงร่วมกันกับการเคลือบเซรามิกด้วย เพราะสามารถป้องกันได้จริง และดูเนียนเหมือนไม่มีการติดฟิล์มใสบนสีรถแต่อย่างใด หากเราไม่ไปมองใกล้ๆ เอามือลูบตามรอยต่อของฟิล์มกันรอย PPF ก็จะไม่ทราบเลยว่า รถคันนี้ได้ติดฟิล์มกันรอยไว้
ฟิล์มกันรอย มีกี่เกรด
ปัจจุบัน ฟิล์มกันรอยสะเก็ดหิน จะแบ่งเป็น 2 เกรดใหญ่ๆ ได้แก่
เกรดเนื้อ PVC และเกรดเนื้อ PU ซึ่งถ้าแยกละเอียด เนื้อ PU จะแตกออกไปอีก ไปเป็น TPH TPU PU มากมายแต่เราพูดแค่ PVC กับ PU พอนะครับ ซึ่ง 2 เกรดนี้ คุณสมบัติและราคาแตกต่างกันอย่างมาก เรามารู้กันก่อนว่า เกรดอะไร เป็นยังไงกัน
เกรดเนื้อ PVC : เนื้อฟิล์มที่เป็น PVC ข้อดีคือ ราคาถูก แต่ข้อเสียนั้นเยอะมาก เลยไม่ได้รับความนิยมเท่าไร่ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ อาจจะเลือกติดฟิล์มเกรดนี้เพราะมันถูกกว่าอย่างมาก เช่น กันชนหน้าติดทั้งกันชน ราคาเพียง 3,000-5,000 บาท ซึ่งต่างจากเกรด PU ติดกันชน ราคาจะเริ่มที่ 9,000-20,000 บาทเลยทีเดียว นี่ไม่ได้ติดทั้งคันนะ แค่ชิ้นเดียวนะ เรื่องราคาเรารู้กันแล้ว ต่อมามาดูว่าข้อเสียมีอะไรบ้าง
ข้อเสียฟิล์มกันรอยแบบ PVC
- เป็นรอยขนแมวง่าย และไม่หายไปเอง ต้องลอกเปลี่ยน หรือขัดสีชักเงาก็จะช่วยได้บ้าง
- อายุการใช้งานสั้น ใช้ได้แค่ 1-2 ปีควรลอกเปลี่ยนเนื่องจากแห้งกรอบจากความร้อนและแสงแดด หากฝืนใช้ต่อ จะทำให้ฟิล์ม กรอบ แตกลายงาและไม่สามารถลอกออกได้ง่าย บางทีต้องขูดออกทำให้สีรถเสียหาย ถึงขั้นต้องทำสีใหม่
- ติดตั้งค่อนข้างยาก ทำให้เวลาติดตั้งเสร็จแล้ว งานออกมาไม่สวยโดยเฉพาะตามขอบๆ แล้วฟิล์มอาจจะเด้งและอ้าง่าย
- เวลาต้องลอกออก ทิ้งคราบกาวเยอะ ทำให้ยากต่อการลอกทิ้ง
- ใช้ไปสักพัก สีจะเหลืองหมอง ซีด ไม่สวย
รอยขนแมวบนฟิล์มกันรอยประเภทเกรด PVC
ฟิล์มกันรอย PVC ติดไปนานๆ สีจะหมองเหลือง
เกรดเนื้อ PU : เนื้อฟิล์มที่เป็น PU มีข้อดีมากมาย แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงทำให้คนหลายๆ คนไม่สามารถจับต้องได้ เลือกที่จะเคลมสีกับประกัน ซึ่งผลที่ตามมา สีเพี้ยน จอดรถซ่อมไม่มีรถใช้หลายวัน น่าหงุดหงิดสุดๆ
รอยสะเก็ดหินดีด เจอทุกคันที่ขับรถออกถนนใหญ่ ตามท้ายรถสิบล้อและรถกระบะ
ข้อดีของฟิล์มกันรอยแบบ PU
- เป็นรอยขนแมวสามารถหายเองได้เมื่อโดนความร้อนทุกชนิด หรือแสงแดด
- รอยขีดข่วนที่ฟิล์มไม่ฉีกขาด อย่างเช่น เอาทรายไปละเลงบนตัวรถ ก็ไม่เกิดรอยบนเนื้อฟิล์ม เนื่องจากตัวฟิล์มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถหายเองเมื่อโดนความร้อนทุกชนิดได้เช่นกัน
- มี Hydrophobic Effect คือการรีดน้ำเหมือนรถเคลือบแก้วบนเนื้อฟิล์ม
- เวลาล้างอัดฉีดแล้วฟิล์มเด้งอ้า ถ้าเป็น PVC คือเสียหายเลย ถ้า PU ยังสามารถ ติดกลับไปใช้งานปกติได้
ข้อเสียขอฟิล์มกันรอยแบบ PU
- ราคาสูงมาก ทำให้ลูกค้ามองว่าทำสีใหม่คุ้มค่ากว่า
ภายในห้องโดยสารก็มี เป็นฟิล์มกันรอยพื้นที่พลาสติกดำเงา (เปียโนแบล็ค)
!! ข้อเสียที่ควรทราบก่อนติดฟิล์มกันรอยทุกประเภท
- กันชนหน้าหรือพื้นผิวที่โค้งเยอะๆ จะต้องมีรอยต่อของฟิล์ม ไม่เรียบเนียนไร้รอยต่อเท่าเคลือบเซรามิก แต่จะเห็นชัดเฉพาะรถสีขาว รถสีอื่นจะมองไม่ค่อยเห็น
- รถสีขาว เวลาใช้ไปนานๆ จะเห็นขอบฟิล์มเป็นเส้นดำๆ เนื่องจากฝุ่นจับตามขอบฟิล์ม รถสีอื่นจะมองไม่ค่อยเห็น
- เคลือบเซรามิกเงากว่าฟิล์มใสกันรอย เพราะฟิล์มกันรอยจะมีผิวส้มเหมือนสีรถจากโรงงาน
- เวลาล้างอัดฉีดตามคาร์แคร์ ควรแจ้งทางร้าน ว่าติดฟิล์มใสกันรอยมา อย่าฉีดน้ำใกล้ๆ หรือจ่อๆ ตามร้านคาร์แคร์เวลาเห็นแมลงติดหน้ารถเยอะๆ ชอบเอาน้ำแรงๆ อัดให้แมลงหลุด ซึ่งฟิล์มที่ติดมาก็จะเสียหายไปด้วย หรืออาจจะเด้งอ้าตามจุดต่างๆ ตามภาพด้านล่าง